เหล้าตระกลู Label มีอะไรกันบ้างนะ

          วันนี้เราจะพามาทำความรู้จักกับเหล้าในระดับชนชั้นกลาง ที่ราคากลางๆ อาจจะึถึงสูงนั่นก้อคือเหล้าตระกูล Johnnie Walker ซึ่งเหล้าในตระกูลนี้จะมีอีกหลายอย่างด้วยกััน แต่ทางเราจะขอนำเสนอเพียงหลักๆที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายนั่นคือตระกูล Label นั้นเอง มีอะไรบ้างไปดูกันเลย



 Red Label 

       Red Label หรือในอดีตชื่อ JW Special Old Highland (เปลี่ยนมาใช้ชื่อ Red Label ใน ปี 1909) เป็นวิสกี้ตระกูล JW ชนิดเดียว ที่ไม่ได้เป็น Scotch Whisky แท้ 100% หากแต่ว่า JW เน้นไปที่รสชาติของวิสกี้ ที่สามารถปรับให้เข้าได้กับทุกสถานการณ์ มีทั้งความหวาน ความนุ่ม และความเผ็ดร้อนในเวลาเดียวกัน Red Label เป็น Blended Whisky ที่ผ่านการผสมมาจาก Malt และ Blended Whisky 35 ชนิด เป็น JW หนึ่งในไม่กี่ชนิด ที่ผลิตออกมาในขนาดที่แตกต่างกันออกไป แต่ทุกขวดจะมีลักษณะเหมือนกัน คือ ขวดทรงสี่เหลี่ยม และฉลากสีแดงขอบทอง สัญลักษณ์เด่นอีกอย่าง คือ ไสตรดิ้งแมน หรือกล่องของ Red Label ที่สามารถนำมาเรียงต่อกันกลายเป็นฉลาก Red Label ขนาดใหญ่ได้ ข้อแนะนำในการดื่ม Red Label สำหรับการดื่ม Red Label นั้น ไม่มีวิธีการดื่มที่แนะนำตายตัวมาจาก JW สามารถดื่มผสมกับอะไรก็ได้ กินเพียวก็ได้ หรือจะนำไปทำค๊อกเทลก็ยังได้ บวกด้วยเรื่องของราคา ทำให้ Red Label เป็นเหล้าที่ขายดี


Black Label

            Black Label เป็น Blended Whisky อายุ 12 ปี เป็นวิสกี้ Johnnie Walker ที่เก่าแก่ที่สุด โดยวางจำหน่ายตั้งแต่ปี 1865 ในชื่อของ Walker’s Old Highland ก่อนจะมาใช้ชื่อ Extra Special Old Highland ในปี 1906-1908และสุดท้ายในปี 1909 ก็เปลี่ยนมาใช้ชื่อ Black Label จนถึงทุกวันนี้ ลักษณะเด่นของ Black คือ กลิ่นหอม รมควันถ่านพีท กลิ่นขิงวานิลลา และกลิ่นผลไม้อย่างลูกแพร และแอปเปิ้ล และส่วนผสมจากเกรนและมอลท์ วิสกี้กว่า 40 ชนิด ผสมผสานออกมาเป็น JW Black Label ใน ปัจจุบัน วิธีการดื่ม JW Black Label ที่ดีที่สุด จำกันเอาไว้นะครับ Black จะ ต้องดื่มโดยผสมกับน้ำและน้ำแข็ง เพื่อที่จะทำให้ได้กลิ่นของบุหรี่แห้ง กลิ่นของวานิลลา และกลิ่นของผลไม้ที่จะอบอวลขึ้นมาหลังจากได้สัมผัสกับน้ำ การผสมน้ำจะทำให้ได้รสของวิสกี้ที่ Strong ขึ้น


Green Label

          Green Label  หรือในอดีตที่เราคุ้นเคยในชื่อของ JW Pure Malt เป็นวิสกี้น้องใหม่ที่สุดในบรรดา 5 Label ทั้งหมด ความพิเศษของวิสกี้ที่หมักบ่มนาน 15 ปีชนิดนี้ อยู่ตรงที่ Green Label เป็นวิสกี้ชนิดเดียวที่มีเพียงส่วนผสมของ Malt Whisky โดยไม่มี Grained Whisky ผสมอยู่เลย แถมส่วนผสมวิสกี้ทั้ง 15 ชนิด ที่นำมา Blended จนกลายเป็น Green Label นั้น มาจากแหล่งกำเนิด Whisky ชั้นดีของสก๊อตแลนด์ คือ Talisker, Cragganmore, Linkwood, และ Caol Ila จนกลายเป็น Pure Malt Green Label ในปัจจุบัน วิธีการดื่ม Green Label ให้ได้รสชาติมากที่สุด จำไว้นะครับ ให้กินในแบบของ On the Rock ด้วยการริน Green Label ลงในแก้วพอประมาณก่อน หลังจากชิมและรับกลิ่นรมควันจางๆ และไอทะเล กลิ่นถังเชอรรี่ รวมถึงผลไม้ชนิดต่างๆ เช่น แอพพริ คอท ผิวส้ม พีช บวกกับกลิ่นเปลือกไม้ป่า และหญ้าอ่อน หลังจากนั้นจึงใส่น้ำแข็งตามไป 1-2 ก้อน จะได้เห็นน้ำมันของวิสกี้ Fusil Oil และจะได้รับกลิ่นที่หอม เข้มข้นขึ้นตามลำดับ เมื่อวิสกี้ได้สัมผัสความเย็น Green Label มีเอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่ง คือ เมื่อดื่มแล้วรสชาติจะแตกต่างกันทุกครั้ง จากส่วนผสมต่างๆ ของ Pure Malt ทั้ง 15ชนิดนั่น


Gold Label

               Gold Label ถูกเปิดตัวขึ้นเมื่อปี 1920 ในโอกาสครบรอบ 100 ปี Johnnie Walker เป็นที่มาของคำ ว่า Century Blend ที่จารึกอยู่บนฉลากของ Gold ทุกขวด วิสกี้หายากทุกชนิดที่ผสมออกมาเป็น Gold มีอายุไม่ต่ำกว่า 18ปี รวมทั้งน้ำแร่บริสุทธิ์ และถังสำหรับหมัก รวมทั้งส่วนผสมหลัก คือ Clynelish ซึ่งเป็นวิสกี้มอลท์ที่หายาก และราคาสูง ทำให้เกิดสีทอง ในตัววิสกี้ Gold ขวดนี้ การดื่ม เนื่องจากการดื่มวิสกี้ ไม่จำ เป็นจะต้องคำนึงว่า วิสกี้จะเกิดการแข็งตัว เมื่อนำไป Frozen หรือ แช่ให้เย็นจัด โดยเฉพาะ Gold ขวดนี้ ยิ่งคุณได้สัมผัสมันด้วยความเย็นมากเท่าไหร่ รสชาติ และกลิ่นของ Gold ขวดนี้ จะยิ่งนุ่มและอบอวลขึ้น การจิบควรจิบทีละน้อย และยิ่งถ้าได้ช็อกโกแลตมารับประทานด้วยแล้ว คุณจะได้สัมผัสความพิเศษว่าทำไม วิสกี้ ขวดนี้ จึงได้รับให้ประดับด้วยฉลากสีทอง


Blue Label

                Blue Label  นี่คือ การผสมผสานของเกรนวิสกี้ และมอลท์วิสกี้ จำนวน 16 ชนิด ที่ต้องบอกว่า แพงที่สุดในโลก เพราะอะไรนั่นหรือ เพราะในจำนวน 16 ชนิดดังกล่าว มีบางชนิดที่ผ่านการหมักบ่มมากว่า 60 ปี และที่สำคัญ ในจำนวนวิสกี้ ล้านถัง ที่ดิอาจิโอทำการผลิตจะมีเพียง หรือ ถัง เท่านั้น ที่นำมาเป็นส่วนผสมของ Blue Label ทุกขวดจะมี หมายเลขกำกับ เพื่อแสดงถึงจำนวนที่ผลิตว่า หาได้ยากยิ่งขนาดไหน Blue ขวดนี้ จะมีจุกขวดที่ทำจากไม้ก๊อก หุ้มตะกั่วสีทอง มีกล่องบรรจุใส่เป็นสีน้ำเงินและทอง บุภายในด้วยผ้าซาตินอย่างดี การดื่ม จำไว้ว่า ใครอยู่ตรวจบัตรได้ดื่ม Blue แล้ว อย่าเอาไปผสมมิกเซอร์ให้คนเขาด่าในใจว่า ไอ้โง่ นะครับ ผมยังด่าในใจเลย เหอะๆๆๆ การดื่มที่ดีที่สุด แน่นอนครับ วิสกี้ระดับนี้ จะต้องเป็นการดื่มแบบจิบวิสกี้ โดยไม่เติมอะไร หรือภาษาบ้านๆ ก็เรียกว่า ดื่มกันเพียวๆ นี่แล่ะครับ เจ้าของ JW บอกมาว่า จะให้ดี ควรจะอมน้ำแข็งให้เกิดความเย็นในปาก เมื่อน้ำแข็งละลายหมด จึงค่อยจิบ Blue เข้าไป จะได้รับรสชาติที่ดีที่สุด แล้วจะได้รู้ว่า วิสกี้ที่ว่ากันว่า ล้ำลึกที่สุดในโลก รสชาติเป็นเช่นใด



ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : https://sites.google.com/site/nuchamc/label-5-chnid



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น